เที่ยวด้วยตัวเอง เที่ยวไปด้วย ถ่ายคลิปไปด้วย ก็เหนื่อยไม่เบา แต่ก็เป็นความสุขของผมนะครับ … หลักๆ ทริปเที่ยว ผมมาเพื่อผ่อนคลายสมอง ความเครียดสะสมจากการทำงานมาทั้งปี ปี 2019 นี้ผมไม่ได้ลาไปเที่ยวไหน สะสมพลังมาทริปนี้ครั้งเดียวในรอบปี จึงมายาวๆ หน่อย (เท่าที่ ตม. จะให้ โดยไม่ต้องไปขอวีซ่า)
ผมมีเป้าหมาย สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่อยากซื้อ และเรื่องการทำคลิป ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากทำด้วยเหมือนกัน ในครั้งนี้มาถ่ายทำแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน คือการสร้างคอนเทน์แบบ 360 ที่เพื่อนๆ จะหมุนมุมมองของวิดีโอเองได้ เป็นความฝันของผมเลย เพราะการทำวิดีโอของผม มีจุดประสงค์หลัก สองอย่าง หนึ่งคือเก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำของตัวเอง ว่าเคยมา เคยเห็น เคยทำอะไร เมื่อดูวิดีโอที่ถ่ายไว้ ก็จะระลึกถึงความรู้สึกตอนนั้นขึ้นมาได้บ้าง แนะนำนะครับ เพื่อนๆ ไปเที่ยว ถ่ายด้วยมือถือก็ได้ครับ ง่ายๆ เก็บไว้ดูนะครับ ^^
อีกอย่างก็คือ เพื่อให้เพื่อนๆ ผู้ชมวิดีโอของผม ได้เห็น เหมือนได้มาเที่ยวด้วยกัน ผ่านการบันทึกวิดีโอของผม เหมือนสมัยที่ผมไม่เคยไปเที่ยวเอง อยากจะไปสักครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเวลาไม่อำนวย หรือเงินไม่อำนวย ในตอนนั้นผมดูวิดีโอของบล็อกเกอร์หลายๆ คน โดยเฉพาะทีม ilovetogo เป็นไกด์แนะนำ คนที่ไม่เคยไปต่างประเทศ ให้มั่นใจมากขึ้น ว่าไปยังไง ไปทำอะไรที่ไหน เมื่อผมได้มีโอกาสไปบ้าง และผมเป็นคนชอบที่จะแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ จึงคิดทำวิดีโอพวกนี้ขึ้นมา แม้ไม่ใช่บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวมืออาชีพ ไม่ได้เที่ยวเก่ง หรือเล่าเรื่องได้สนุกนะครับ วิดีโอของผมจะเป็นแนวไกด์แนะนำ หวังจะพอเป็นประโยชน์กับคนดูบางกลุ่ม มีผู้ชมบางท่านส่งข้อความมาขอบคุณ อะไรก็ตามที่ผมแนะนำไว้แล้วเขาเห็นเป็นประโยชน์ ก็เป็นกำลังใจและทำให้ผมดีใจมากทุกครั้ง ^^
ด้วยเหตุดังนั้น วิดีโอแบบ 360 จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความฝันของผมให้เป็นจริงมากๆ ผมคิดแบบนี้ตั้งแต่รู้จักวิดีโอแบบ 360 เมื่อสองสามปีก่อน แต่ในตอนนั้น เทคโนโลยียังไม่ดีพอ ยังไม่ถูกพอ ยังไม่สะดวกพอที่จะทำได้ แต่ตอนนี้ เทคโนโลยีพัฒนาไปเร็ว ผมเห็นว่าผมจะทำความฝันนี้ให้เป็นจริงได้ จึงตั้งใจมากๆ กับทริปนี้นะครับ ในการมาเก็ภาพวิดีโอแบบ 360 ที่เพื่อนๆ หลายคนจะไม่ชิน สามารถเลือกมุมมองในวิดีโอได้เอง รอบทิศ จะมองข้างหน้า ข้างหลัง ข้างๆ ข้างบน ข้างล่าง จะดูวิว หรือดูว่าผมแบกของพะรุงพะรังแค่ไหน เดินผิด เดินถูก ก็เห็นหมดเลย เรียลมากๆ จริงใจมากๆ ครับ ^^
เชื่อไหมครับว่า ผมเคยคิดสงสัย เวลาเราจะถ่ายวิดีโอ เราต้องคิดเรื่อง มุมกล้อง ระยะซูม เพื่อให้ได้ภาพที่ออกมาเหมาะสม บางครั้งอยากเก็บหลายมุม พร้อมกันแต่ทำไม่ได้กับกล้องแบบปกติ ในวันนี้ วิดีโอ 360 ทำให้เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะกล้องเก็บมาให้หมด เรามาเลือกทีหลัง แล้วทำเป็นวิดีโอแบบปกติก็ได้ หรือจะใช้ทั้งหมดแบบ 360 ให้เพื่อนๆ เลือกดูเองตามใจ ด้วยมือถือ หรือแท็บเบล็ท ก็ทำได้ง่ายๆ แค่ปัดนิ้วนะครับ ทำให้เราโฟกัสเรื่องเนื้อหาที่ต้องการจะนำเสนอเป็นหลัก นอกจากนั้นผมเชื่อมากกว่า วิดีโอ 360 นี้ เหมาะที่สุดในการนำทาง บอกทาง อธิบาย จึงเหมาะกับสไตล์การเล่าเรื่องของผมมากครับ
เที่ยวด้วย ทำวิดีโอด้วย จึงทำให้ผมต้องคิดวางแผนเยอะ บางที่ผมไปซ้ำ ตั้งใจไปถ่ายวิดีโอแบบ 360 หรือบางที่ที่ผมอาจจะไม่มีจุดประสงค์ที่จะไป แต่เป็นที่สำคัญที่คนมาโตเกียวน่าจะไป ผมก็ตัดสินใจไปด้วยเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ แล้ว ผมมักจะมีเหตุ ที่อยากไปในแต่ละที่แทบทั้งนั้น ยังไม่มีที่ไหน ที่ไปเพียงแค่ถ่ายวิดีโอแล้วผมไม่ได้ประโยชน์ด้วยเลย ^^ เรื่องวางแผนทริปนี่ ทำผมปวดหัวมาเป็นครึ่งปี ตั้งแต่จองทริป จองที่พัก ล่วงหน้าเกินครึ่งปี แล้วผมทำแต่งาน ไม่มีเวลามาวางแผน หาข้อมูลตัดสินใจ จนใกล้จะบินแล้ว ถึงมีความพร้อมมากขึ้น แม้จะไม่ 100% แต่ก็ 90-95% ได้ เรียกว่ามั่นใจกว่าทุกๆ ทริปที่ผ่านมา ประสบการณ์ที่สะสมไว้ ก็คงจะมีประโยชน์บ้าง ก็นี่ โตเกียวเที่ยวที่ 5 แล้ว ก็ควรจะชำนาญขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ 😉
สำหรับเพื่อนๆ ที่รอติดตาม ห่วงว่าไม่ชอบวิดีโอแบบ 360 ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะผมจะทำคลิปหลัก เป็นแบบปกติเหมือนเคย แต่จะมีคลิป 360 มาเพิ่ม ให้คนที่อยากดูแบบเต็มๆ อยากลองของแปลก หรืออยากได้ข้อมูลแบบละเอียด ไปดูกันได้ครับ ^^
ผมอยากแนะนำ และแชร์ เกี่ยวกับการถ่ายทำ ข้อแรก โดรนเป็นอุปกรณ์ที่หลายๆ ที่เขาห้ามบินนะครับ ผมเห็นนิยมขายกัน ทั้งในญี่ปุ่นก็ขายกัน แต่ไม่ค่อยเห็นคนเอามาบิน และได้ยินประกาศห้ามจากบางสถานที่ ผมมองว่ายังเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สะดวกในการใช้สร้างคอนเทนท์ในปัจจุบัน … ในขณะที่ สมัยก่อน เราต้องมีกล้อง mirrorless มีเลนส์ดีดี ในตอนนี้กลายเป็นไม่จำเป็นแล้ว กล้องพวกนั้น มีน้ำหนักไม่น้อย ต้องแบกไปตลอดก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ ปวดหลัง ปวดไหล่ เที่ยวสนุกน้อยเพราะอุปกรณ์หนัก
มีแค่กล้องก็ยังไม่พอ ต้องมีอุปกรณ์ gimball ช่วยให้การเดินไปถ่ายไป ภาพไม่กระตุกจนคนดูอาเจียน ซึ่งต้องสรรหามาเพิ่ม และแบกมันไปด้วย ไม่ธรรมดาเลย ถ้าไม่ไหว ก็ต้องเลี่ยงการเดินไปถ่ายไป ใช้การยืนถ่ายกับจุดนิ่งๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ผมทำก่อนหน้านี้ เพราะผมไม่มี gimball สำหรับกล้อง
ที่ผ่านมา ก็มีอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาแทนที่ กล้อง+gimball เช่น GoPro Hero7black หรือ OSMO pocket … แต่ บางอุปกรณ์ ก็ไม่มีจอ มองไม่เห็นภาพที่ถ่าย แบตน้อย เปลี่ยนแบตไม่ได้ (สำคัญมาก) ต้องใช้ควบคู่กับมือถือ ยังคงมีปัญหาใช้งานจริงจังไม่ไหว สำหรับผม หรือต้องลงทุนอุปกรณ์เสริมอีกมาก …
ที่พูดมาทั้งหมด เพราะผมจะบอกว่า ตอนนี้ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์พวกนั้นแล้วนะครับ เพราะ มือถือ สามารถนำมาใช้แทนได้อย่างจริงจังแล้ว แม้ไม่ 100% แต่ก็ได้ 95% สำหรับผมคือตอบโจทย์มาก ผมใช้ iPhone11ProMax สามารถถ่ายกล้องหลัง ซูมเข้าไปใกล้ๆ หรืงถอยออกมาไกลๆ เป็นเลนส์ไวด์ได้ง่าย สะดวก กล้องหน้าถ่ายเซลฟี่ก็ทำได้ง่าย กล้องกลับภาพให้เสร็จ ไม่ใช่ว่าถ่ายแล้วได้ภาพกลับซ้ายขวาแบบบางกล้อง เรื่องเสียงก็ทำได้ดี โดยไม่ต้องใช้ไมค์เสริม หรือจะ AirPod เป็นไมค์แบบไร้สายบ้างก็ได้ในสถานการณ์ที่ต้องพูดเบาๆ แบตเตอรีก็พัฒนาขึ้นมาก ทั้งใช้งาน ทั้งถ่ายวิดีโอ ก็ไม่หมดโดยง่าย (สมัยก่อนหมดเร็วมาก) แถมเรื่องการ stabilize ภาพคล้ายใช้ gimball ก็ทำได้ด้วยตัวเอง ตอนเดินถ่าย ภาพกระตุกๆ จากการเดินและมือไม่นิ่ง แต่ภาพที่ได้นิ่งเหมือนใช้ gimball เลย เรียกว่าอันนี้สุดยอดมาก อุปกรณ์ gimball สำหรับ iPhone11ProMax เรียกว่าไม่จำเป็นเลยอีกต่อไป เพราะมันทำได้ด้วยตัวเอง
เรื่องนี้ผมก็เพิ่งจะรู้ ตอนนำมาใช้จริงที่นี่ ผมเก็บกล้อง mirrorless ที่เอามาไว้ในห้องเลย และใช้มือถือในการถ่ายทำทั้งหมด (ไม่นับส่วน 360) จึงอยากขอแชร์กันไว้นะครับ นี่คือเหตุที่เวลาซื้อมือถือ ควรเลือกขนาดความจุสูงสุดๆ เอาไว้ เมื่อนำมาถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง จะได้พอใช้นะครับ
การพกอุปกรณ์น้อยๆจะทำให้ไม่ต้องแบกหนักตลอดทาง เที่ยวสนุกขึ้น ลดการปวดไหล่ ปวดหลังด้วย ไม่จำเป็นไม่ต้องซื้อกล้อง mirrorless แล้วนะครับ สำหรับการท่องเที่ยว ใช้มือถือในการถ่ายทำวิดีโอแทนได้เลย 🙂
มาคุยเล่น แชร์กัน นานๆ มาที แล้วพบกันกับวิดีโอของผมนะครับ ขอบคุณครับ ^^
/เจเจริญ อินเจแปน 2019
30 ธ.ค. 2019