วันนี้ขอพูดเรื่อง โทนเนอร์ ให้ฟังกันนะครับ … เนื่องจากโทนเนอร์ตัวโปรดที่ผมใช้อยู่มันหมด (Vichy Purete Thermale) มีโทนเนอร์ตัวหนึ่งที่อยากลองมานาน คือ โทนเนอร์ของ Bioderma ตัวนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอันหนึ่งเกี่ยวกับส่วนผสมนะครับ คือ “อย่าเชื่อส่วนผสมที่ reprint แปะโดยคนไทย” ผมพบว่ามันไม่ตรงกับ ส่วนผสม original ที่แปะไว้ที่ขวดเดิม ส่วนผสมหลักจริงๆ คือน้ำ แต่คนไทยแปะฉลากใหม่ทำให้อาจเข้าใจผิดได้ว่าส่วนผสมหลักคือ Allantoin … Learning คือ ให้ดูส่วนผสมของ original ต่างประเทศดีกว่า อาจเพราะว่าในไทยไม่มีกฎเรื่องการเผยข้อมูลส่วนผสมเพื่อผู้บริโภคที่เข้มงวดเท่าฝรั่ง เลยเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้ … ผมยังมีอีกสองสามเรื่อง สำหรับคนที่สนใจเลือกโทนเนอร์ในตลาดตอนนี้ เทียบ 5 แบรนด์ดังนะครับ ระดับกลางถึงสูงได้แก่ Bioderma, Vichy, La Roche Posay, Avene และ Eucerin

เรื่องราคา : (ราคาลดแล้วตามป้าย)
Bioderma 250ml 990.-
Vichy 200ml 660.-
La roche posay 200ml 800.-
Avene 200ml 840.-
Eucerin 200ml 630.-

Bioderma ดูเหมือนแพง แต่ถ้าคิดปริมาณให้ดี ตัวแพงมีสามตัวคือ Bioderma, Avene กับ La roche posay

ส่วนตัวถูกคือ Vichy กับ Eucerin นะครับ (ไม่คิดว่า Eucerin จะถูก ของบางอย่างแพงกว่าคนอื่นมากเช่นไมเซลล่า)

เรื่องของส่วนผสม :
น่าแปลกใจว่า ส่วนใหญ่มีน้ำหอมเป็นส่วนประกอบ (แม้บอกว่าเหมาะกับคนผิวแพ้) ตัวที่ไม่มีน้ำหอมคือ Bioderma กับ Eucerin

ส่วนผสมหลักของทุกคนเป็นน้ำ แต่คนที่พิเศษคือ Avene ที่เขียนชัดเลยในส่วนผสมหลักว่า ไม่ได้ใช้น้ำธรรมดาแต่ใช้ “น้ำแร่ Avene” ส่วน Vichy บอกไว้ว่า “มีส่วนผสมของน้ำแร่ Vichy” แต่ไม่กล้าเขียนในส่วนผสมหลักแบบ Avene (วิชชี่เขียนว่า น้ำ ตามปกติตรงนั้น)

คิดว่าจะมีประโยชน์นะครับ บางครั้งสิ่งที่เรา “เข้าใจ” หรือ “รู้สึก” มันก็ไม่จริงเสมอไป

เดี๋ยวลองใช้แล้วจะบอกอีกทีนะครับว่าชอบมั้ยกับเจ้าโทนเนอร์ Bioderma ขวดนี้