จริงมั้ย กับคำกล่าวที่ว่า แต่งหน้าทำให้หน้าพังเร็ว?

ผมมองว่าจริงนะครับ โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ เพราะอะไร? ในการแต่งหน้าต้องมีการเอาสี (สารเคมี) ต่างๆ ทาทับลงไปบนหน้าเพิ่มเติมจากครีมบำรุงผิวต่างๆ สี เหล่านี้จะติดค้างอยู่บนหน้า และทำให้อุดตันได้มากกว่าครีมบำรุงหน้าทั่วไป นอกจากนั้น การแต่งหน้ายังต้องใช้อุปกรณ์ เช่น นิ้ว แปรง ดินสอ ปากกา มาขูดขีด ปัดบนหน้า ถ้าแปรงขนหยาบ หรือมือหนัก ก็ทำให้หน้าเป็นริ้วรอยได้อีก และเมื่อแต่งหน้า ก็ต้องล้างหน้า การล้างเครื่องสำอางนั้น ทำให้ขั้นตอนการล้างหน้าต้องทำมากกว่าปกติ หลายรอบกว่าปกติ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หน้าระคายเคืองมากกว่าปกติ เช่นกัน

ถ้าพูดถึงการแต่งหน้าเฉพาะจุดบ้าง การแต่งตาของสาวๆ โดยเฉพาะการกรีดอายไลน์เนอร์ ทำให้เกิดความเสื่อมโทรม ริ้วรอยได้ง่าย เพราะการเขียนขอบตา ก็ต้องเขียนให้ดำ ให้สนิท ถมช่องว่างให้เต็ม บางครั้งเขียนไปถึงเส้นน้ำตา หรือวอเทอร์ไลน์ ถ้าอายไลน์เนอร์ไม่ดี โดนเหงื่อ โดนน้ำตา มีละลาย เข้าไปในเบ้าตาบ้าง อาจจะระคายเคืองได้ แล้วยิ่งตอนเช็ดล้างทำความสะอาด ให้เกลี้ยงเกลา ก็ทำให้ต้องไปถูๆ บริเวณขอบตามากกว่าปกติอีกเช่นกัน ตาจึงเป็นจุดหนึ่งที่น่าจะโดนกระทบกระเทือนมากสุด ในกระบวนการแต่งหน้า นี่ยังไม่นับการติดขนตาปลอมและการปัดมาสคาร่า ที่อาจทำให้ขนตาหลุด ร่วงได้อีก ทั้งในขั้นตอนการแกะ และทำความสะอาด

แต่ทำไมสาวๆ ยังแต่งหน้า? หรือเรายังควรแต่งหน้า?

เพราะการแต่งหน้าเหมือนดั่งเวทย์มนต์ เห็นผลทันที (ดีกว่าทาครีมตรงเนี้ยแหละ) เปลี่ยนใบหน้าให้ดูคมชัด ปรับแสงเงา ปรับสี ลบริ้วรอย จุดด่างดำ เติมคิ้วใหม่โดยไม่ต้องสักหรือไปเกิดใหม่ ทำให้บุคลิกโดยรวมดีขึ้น จากสาวหน้าตาบ้านๆ ก็กลายเป็นสาวสวย จากหนุ่มหน้าตาจืดๆ อาตี๋ๆ ก็กลายเป็นหนุ่มเกาหลีคมเข้มขึ้นมาได้ และอีกเหตุผลนึงอาจจะเป็นเพราะ คนเรามองหน้าตากันก่อน ส่วนนึงก็ตัดสินคนที่หน้าตา ความประทับใจแรกๆ ทำให้คนอยากอยู่ใกล้ หรือให้โอกาส คนจึงไม่เลิกการแต่งหน้า

ดังนั้นคนที่แต่งหน้า จึงควรใส่ใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสม ปลอดภัยกับสุขภาพและผิวตัวเอง เรียนรู้วิธีทำความสะอาดที่ดี และอ่อนโยนต่อผิวที่สุด เพื่อทำให้หน้าได้รับความกระทบกระเทือนให้น้อยที่สุด จากการแต่งหน้านะครับ 🙂

#JayMakeupArtist