หลังจากตามหามานาน (มากกก) ตั้งแต่ต้นเดือน ไปร้านค้ากลุ่ม Drug store ที่ไหน (Boots, Watson) รวมทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต (Tops, Big C, Gourmet Market) ต่างๆ ที่แบรนด์ Maybelline เข้าไปตั้งเคานต์เตอร์อยู่แทบจะทุกที่ (รวมกว่า 20 แห่ง) ก็ไม่เจอะเจอเจ้า รองพื้นตัวล่าที่ชื่อว่า Maybelline Dream Liquid Mousse & Maybelline Dream Matte Mousse เลยสักที!! ถาม BA (พนักงาน) ก็บอกว่า “ไม่มีค่ะ” “ไม่เคยได้ยินค่ะ” “มีด้วยเหรอคะ?” “ไม่รู้เข้าเมื่อไรค่ะ” ตลอด (เลิกถามแล้ว) … เพิ่งจะเจอตัววันนี้ครับ (12 ส.ค. 56 วันแม่) ก็เลยเหมามาทุกสี (ทั้งหมดนั่นแหละ บ้าจริง) … เจอที่ไหน? บังเอิญเจอใน Gourmet Market (ซุปเปอร์) ห้าง Siam Paragon นี่เองครับ มีอยู่ไม่มากนัก (ป่านนี้หมดแล้วมั้ง?) ก็เลยนำมารีวิว แบบบ้านๆ (user review) ให้ “สาวๆ” ที่สนใจ/หาไม่เจอเหมือนกัน/รู้สึกโกรธแค้น ได้ชมกัน … ทั้งนี้ ทุกอย่างซื้อเองนะครับ ไม่ได้รับการ sponsor ใดใดจากแบรนด์ (เคยมีน้องถาม… บล็อกเกอร์สมัครเล่น ใครจะมาสปอนเซอร์ ฮึ!) อย่างไรก็ตาม สไตล์ผม ไม่ได้ชม ไม่ได้ด่า แต่พูดตามความเห็น ความรู้สึก ข้อมูลที่รู้ เอาตรงๆ นะครับ … อ่ะ เกริ่นนานล่ะ ไปดูกัน
หลักฐานว่า โดนไปหลายบาท จ่ายเอง (ได้ลด อิอิ) 😛 … สนนราคา (เต็ม!) ขวด/กระปุก ละ 449.- บาทขาดตัวนะครับ (ถูกมาก! เพราะอะไร เดี๋ยวรู้ อิอิ) มีทั้งหมดอย่างละ 3 สี คือแบบลิควิด (เหลว) 3 สี และ แบบ เนื้อมูส (คล้ายมูสเค้กแบบนั้น) อีก 3 สี สีไม่เหมือนกันเป้ะๆ ทั้งสองประเภทนะครับ ข้างล่างมีโชว์
มาดูแบบแรกกันก่อน แบบลิควิด เป็นเนื้อของเหลว ขวดแบบปั้ม หมุนเพื่อล็อคได้ เลยไม่ต้องมีฝาครอบ (ของลอรีอัลแพริสมีฝาครอบ) ซึ่งดีมาก เพราะกดๆ ออกมา ความสกปรกก็เข้าไปได้ยาก ไม่เลอะของที่ยังอยู่ข้างใน ไม่ต้องใช้ไม้พาย สะดวกมากๆ ชอบขวดแบบนี้นะครับ … เนื้อแบบนี้บางทีก็เรียกว่า ฟลูอิด หรือของเหลว เหมาะกับคนผิวปกติถึงผิวแห้ง เพราะจะมีความชุ่มชื้น น้ำมัน มากกว่าอีกแบบ … บางคนสงสัย ทำไมต้องมีมาสองเนื้อ (หรือมากกว่านั้น) คำตอบคือ รองพื้นต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทของผิวของเรานะครับ ไม่ใช่เลือกแต่สี และความชอบ … มีเเขียนเอาไว้ด้วยว่า “Airbrush Finish” บางคนสงสัยว่าคืออะไร คือเค้าพยายามจะบอกว่า “เนี่ย ใช้แล้วเนียนเรียบเหมือนพ่นด้วยสเปรย์แอร์บรัชเลยนะ” ซึ่งเจ้าสเปรย์แอร์บรัชเนี่ย ก็คือเครื่องพ่นสี ที่ Make up artist ต่างประเทศเค้าใช้ พ่นรองพื้นสำหรับ Make up ให้เจ้าสาว (แบบเนียนเว่อร์ ระดับ HD!) และใช้ในการแต่งเอฟเฟ็คต่างๆ ซึ่ง เราใช้นิ้วทา มันจะเนียนเท่านั้นมั้ย ต้องพิสูจน์นะครับ! … สำหรับรุ่นลิควิดนี้ มี 3 สี ได้แก่ Classic Ivory – Light เบอร์ 2, Natural Beige – Medium เบอร์ 2.5 และ Nude – Light เบอร์ 4 นะครับ (เดี๋ยวดูสีหลังจากนี้)
ใครอยากรู้ส่วนผสมก็จัดไป (อ่านเอาเองนะจ้ะ) รวมทั้ง ป้ายภาษาไทย ที่แปะมาเพิ่ม … ลองอ่านดูดีดี… ผลิตที่อเมริกาจ้าา!!! แล้วนำเข้ามาขาย ผมเช็คดูแล้ว ทั้งสองรุ่น ส่งตรงมาจากอเมริกาเลย ถึงบอกข้างต้นว่าถูกมาก! จากที่ผมสังเกต สินค้าที่ขายในไทย จะผลิตจากจีน จากอินโดนีเซีย ซะมาก … สรุป ของนำเข้าจากอเมริกา ราคาเท่านี้ น่าซื้อเก็บเป็นอย่างยิ่งครับ! 😀
รูปนี้สำหรับ Maybelline Dream Matte Mousse จากชื่อ เน้นๆ ว่าเนื้่อแมต (ด้าน) ดังนั้นใครชอบแมตๆ ก็ต้องตัวนี้นะครับ เจ้านี่เป็นเนื้อมูส ของแปลกที่ผมสนใจเพราะจากที่สำรวจ เครื่องสำอางเกรด Drug store (ขึ้นห้างแล้วนะ) ยังไม่เห็นมีเนื้อแบบนี้เลย (แต่หาซื้อยากจนชักหงุดหงิดนะ -“-) … เนื้อแบบนี้ ได้รับคำนิยมจาก Make up artist (อ้างอิงที่ไหน? มี make up artist บอกมา :D) ว่าเป็นเนื้อที่วิเศษน่าใช้มากๆ เพราะบางเบา เรียบเนียน (ต้องพิสูจน์) … ไม่ใช่ของแปลกสำหรับ เครื่องสำอางแบรนด์ไฮๆ อย่าง Mac, Bobbi brown, Shu, etc. นะครับ ก็บอกแล้วว่ามันแปลกสำหรับ เกรด Drug store นะ 😉 (ไม่แพงเท่า แต่คนส่วนใหญ่ใช้นะเออ จัดมั้ย)… มี 3 สีด้วยกันนะครับ ไม่เหมือนของ Liquid ซะทีเดียว ได้แก่ Light Beige – Medium เบอร์ 0, Classic Ivory – Light เบอร์ 2 และ Nude – Light เบอร์ 4
เช่นเคย ส่วนผสม ตามรูปนี้นะครับ (ชาวสกินแคร์ ชอบดูส่วนผสมกัน #สินะ) และป้ายที่แสดงว่า มันส่งตรงมาจาก USA เลยนะตัวเธอ! 😀 (มีน้องสาวที่สนิทคนหนึ่งมาบอกว่า “ปกติต้องฝากเพื่อนซื้อเข้ามาให้ ดีใจเดี๋ยวนี้ไม่ต้องฝากแล้ว” #หาซื้อได้ไหมอีกเรื่องนะน้อง ฮ่าๆๆ)
เราจะมาทดสอบกันสักหน่อย แต่ในเมื่อไม่มีนางแบบให้ผมละเลงสีใส่ #ก็ต้องลองกับตัวเองสินะ ฮ่าๆๆ เพื่อคุณผู้ชม จัดไปครับ … ก่อนจะลงรองพื้นบนใบหน้า มันก็ต้องมีสกินแคร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็บอกไว้สักหน่อยล่ะกันว่าจะใช้อะไรบ้าง เผื่อมันมีผลกับการทดสอบ (เหรอ?) แบบการทดลองสิทยาศาสตร์ไง ฮ่าๆๆ … สิ่งของที่ต้องใช้นะครับ เริ่มจาก เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ (ซักแห้งนะ ไม่ล้างหน้า) ซึ่งจะทำความสะอาดด้วย และเตรียมสภาพผิวสำหรับลงมอยซ์เจอร์ไรส์เซอร์ต่อไปด้วย ผมใช้ของ Vichy Purete Thermal ตัวนี้ตัวโปรด อ่อนโยน เหมาะกับหน้าบางๆ อย่างเรา 😉 … หลังจากนั้น ก็ต้องลงมอยซ์เจอร์ไรส์เซอร์ ให้ความชุ้มชื้นกับผิว ต้องทาก่อนที่จะลองรองพื้นนะครับ สาวๆ จะแต่งหน้า คงทราบกันดี (มั้ย?) ว่ามอยซ์เจอร์ไรส์เซอร์สำคัญขนาดไหน? มันช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากกกกกก มากกว่าเรื่องลบเรือนริ้วรอย จุดด่างดำ บลาๆ ดังนั้น ทุกครั้งที่ล้างหน้า ก็ต้องทามอยซ์เจอร์ไรส์เซอร์ตามด้วย ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่ ยิ่งแต่งหน้า ยิ่งต้องทาเลยนะครับ ผมใช้ของใหม่ (อีกแล้ว! :D) อันนี้ก็หายากเช่นกัน เพราะเพิ่งจะออกมา เป็น Garnier Aqua Defense ขวดเขียว เน้นเรื่องเติมน้ำให้กับผิว ผมใช้แล้วติดใจ (ขายแพงกว่า ซากุระ และขวดเหลืองอันเก่าอีกนะเออ) สบายหน้า ใช่้ได้บ่อยๆ เหมาะกับการเอาไว้ใช้ก่อนการแต่งหน้ามากๆ ถ้าคุณไม่สนใจเรื่อง Whitening, รบเลือนริ้วรอย บลาๆ นะครับ (ถ้าสนก็ไปซื้อขวดอื่นที่น่าจะแพงกว่านี้เบย ;P) … และขวาสุด Oil ล้างเครื่องสำอางของ Maybelline (ตัวใหม่เช่นกัน! 😀 เย่!) ใช้ทาบนหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำ ใช้ตอนสุดท้ายเพื่อเอารองพื้นออกจากหน้า ก่อนล้างหน้านะครับ
ผมขอแนะนำสักหน่อย ไอ้ครีมกระปุกๆ แบบเนี้ย มันไม่ค่อยดีนะครับ เพราะถ้าเราเอานิ้วจุ่มลงไปเลย (สะดวกล่ะสิ) นิ้วเรามีสิ่งสกปรก ความชื้น แบคทีเรีย มันลงไปในขวด ก็จะหมักหมมครีมที่ยังไม่ได้ใช้ ซึ่งไม่ดีแน่ๆ เลย พวก Make up artist เค้าจะใช้ไม้พาย หรือไม้ไอติม หรือช้อนพลาสติก ในการตักครีมในกระปุก ขึ้นมาไว้บนหลังมือ (เค้าทำแบบนี้กันจริงๆ) แล้วค่อยเอานิ้ว หรือแปรง จิ้มจากหลังมือเอาไปใช้อีกที วิธีนี้สะอาดมาก แนะนำกับครีมทุกอย่างที่เป็นกระปุกแบบนี้นะครับ … จริงๆ แล้วเค้าทำแบบนี้กับแทบทุกอย่าง ที่ไม่ใช่ขวดปั้มๆ ออกมาเลยนะ สะอาด ดูโปร แต่เปลือง ฮ่าๆๆ (ไม่เปลืองมากหรอกครับ เทียบกับความสะอาดที่ได้มา)
ไม้พายที่ผมใช้ ซื้อได้ที่ Central Food Hall (central world) 49.- บาท ได้ 100 อัน แบบใช้แล้วทิ้งนะครับ อย่างก เอากลับมาใช้ใหม่ ผิดจุดประสงค์ -_- … ที่บอก เพราะมันหาไม่ง่ายนะจ้ะ ที่จะพอดีๆ แบบนี้ 😛
เอาล่ะครับ มาดูเนื้อของเจ้าตัวมูสกันดีกว่า เปิดออกมาเจอแบบนี้ครับ เอาไม้พายตักได้เนื้ออย่างที่เห็น รูปสีไม่เหมือนกัน แต่ตัวเดียวกันนะครับ (ตั้งแต่ส่วนนี้จะอธิบายค่อนข้างสั้น เพราะพิมพ์ไปยาวแล้ว server เว็บมันเสีย หายหมดเลย พิมพ์ใหม่ไม่ไหวแล้วครับ ง่วง -_-“)
ผมลองเอาทั้ง 6 ตัวมาป้ายบนมือ ดังภาพข้างล่าง แถวบนเป็น Liquid เรียง Ivory, Beige, Nude ส่วนแถวล่างเป็นมูส Matte Beige, Ivory, Nude ครับ (เรียงแบบเดียวกับ products ข้างบนที่ผมทำไว้นะครับ) … ผมผิวขาวเหลือง ต้องเลือกรองพื้นสีออกเหลือง ถ้าใช้สีชมพู มันอาจจะหน้าเขียว หรือหน้าเทาได้ครับ ^^” (ไว้จะอธิบายเรื่องวิธีเลือกสีรองพื้นอีกทีนะครับ) สรุปแล้วผมเลือกสี Nude (บนขวากับล่างขวา) ในการทดสอบ แบบ Liquid ครึ่งหน้า แบบ Matte มูส ครึ่งหน้า
จะมาใช้นิ้วเกลี่ยเอา เดี๋ยวหาว่า เลยไม่ “Airbrush finish” ผมเลยเลือกใช้แปรงแบบหัวตัด (ขวา) ในการกดๆ รองพื้นบนหน้า หลังจากป้ายด้วยนิ้วนะครับ … ปกติผมจะใช้แปรงอันซ้ายในการลากๆ ป้ายๆ แต่เพื่อให้ได้งานเนียนละเอียด จะลองใช้แบบหัวตัดดูครับ (เชื่อตามโมเม ;P)
รูปด้านซ้ายเป็น Before ด้านขวาเป็น After จะเห้นว่าริ้วรอย ลดเลือนไปพอสมควร ผมเว้นตากับจมูกไว้ไม่ได้ลงรองพื้นนะครับ … รูปขวา ซีกหน้าที่มีรอยแผลสิว ใช้ Dream Matte เนื้อมูสสี Nude ส่วนซีกหน้าด้านขวา (ของคุณผู้ชม) ที่ไม่มีแผลสิว ผมใช้ Liquid สี Nude นะครับ จะเห็นว่า ด้านที่มีสิว หน้าด้านกว่าครับ (เพราะเป็นเนื้อ Matte) ฮ่าๆๆ … ขอจบเท่านี้ก่อนครับ (หมดแรง) มีโอกาสจะมาพิมพ์ขยายความเพิ่ม ส่วนที่หายไปจาก server พังนะครับ -_-” … ขอบคุณที่ติดตามครับ ^^